อาร์ติโชก
ดอกตูมที่กินเป็นผัก รูปลักษณ์แปลก รสดี
การกินอาร์ติโชกโดยทั่วไปนั้น มักเป็นแบบบรรจุในกระป๋อง เป็นอาร์ติโชกดองในน้ำ ในประสบการณ์ของผู้เขียนเอง กินอาร์ติโชกตั้งแต่ปีพ.ศ.2516 ที่สหรัฐอเมริกา ด้วยการหัดทำอาหารฝรั่งจากตำรา อาทิไก่คัสโลต์ (chicken casserole) ซึ่งต้องอบไก่ในครีมเปรี้ยวและใส่อาร์ติโชกดองนี้ด้วย อาร์ติโชกดองหน้าตาเป็นก้อนผักที่มีกลีบเป็นชั้นๆ ซ้อนเรียงกันหลายชั้นมาก สีครีมนวลออกเหลือง เนื้อผักแน่น รสออกมันเปรี้ยวอร่อยยิ่งนัก กินกับเนื้อไก่ ราดน้ำครีมอบ เข้ากันได้อย่างดี นับเป็นอาหารจานโปรดของสมาชิกในบ้านมาจนถึงปัจจุบัน อาร์ติโชกกระป๋องนำเข้าที่ขายในบ้านเราราคาแพงมาก ลูกๆหลานๆก็พากันชอบกินอาร์ติโชกเสียหมด ก็เลยกลายเป็นอาหารจานโปรดที่แสนแพงของครอบครัว
มารู้จักอาร์ติโชกในแง่พฤกษศาสตร์และประวัติอันยาวนาน อาร์ติโชกมีชื่อสามัญทั่วไปว่า globe artichoke มีชื่อทางวิทยาศ่าสตร์ว่า Cymara seolymus เป็นไม้ประเภทล้มลุก วงศ์เดียวกันกับดอกทานตะวัน มีสองสายพันธุ์คือ พันธุ์ใบเขียวและพันธุ์ใบม่วง ดอกออกหน้าตาเหมือนกัน รสชาติเดียวกัน ลำต้นโปร่งไม่สูงนัก ขนาด 50 ซม. ถึง 100 ซม. รอบต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 120 ซม.อายุต้นสามารถเก็บเกี่ยวได้ยาวนาน 5-10 ปี การเก็บเกี่ยวต้องเก็บเกี่ยวด้วยแรงคน ต้องเลือกคัดดอกตามอายุที่ต้องการ เมื่อเก็บเกี่ยวจนหมดต้นแล้ว จะตัดต้นช่วงบนทั้งหมดทิ้ง คงเหลือเป็นตอต้นสูงจากพื้นดินสัก 8-10 นิ้วเท่านั้น เพื่อให้ตาใหม่แตกยอดเป็นต้นใหม่ต่อไป อาร์ติโชกชอบอากาศไม่ร้อนจัด ไม่หนาวจัด เย็นกำลังดี ความชื้นพอเหมาะ ดังนั้นที่ราบสูงตามภูเขาจึงเหมาะสำหรับการปลูกอาร์ติโชก เสน่ห์ของผักชนิดนี้อยู่ที่ฐานดอก ซึ่งถูกเรียกว่า ใจอาร์ติโชก (artichoke heart) ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผักดอกชนิดนี้ ที่ไม่ใช่ของบ้านเมืองเอเชียหากแต่เป็นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ในเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม และมีตลอดทั้งปี เพียงแต่ไม่มากเท่าเดือนดังกล่าว ดอกอาร์ติโชกขนาดเล็กขายแบบเป็นผักดอกสด ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งในสี่ นำมาทำใจอาร์ติโชกกระป๋อง มงกุฎอาร์ติโชกแช่แข็ง (artichoke crown)
การกินอาร์ติโชกก็คือการกินดอกที่ยังตูม ตั้งแต่ดอกอ่อน ดอกขนาดกลางไปจนถึงดอกขนาดใหญ่ ซึ่งยังอยู่ในภาวะดอกตูมอยู่ ดอกอาร์ติโชกที่บานนั้นสวยงามเป็นกลีบสีม่วงอมขาว ซึ่งเขาจะปล่อยให้บาน เมื่อต้องการเมล็ดมาขยายพันธุ์
กล่าวกันว่าอาร์ติโชกเป็นพืชถิ่นดั้งเดิมในเขตเมดิเตอร์เรเนียน ที่ปลูกกินกันในปัจจุบันเป็นพันธุ์ที่เริ่มเพาะปลูกในซิซีลี ประเทศอิตาลี สมัยศตวรรษที่ 15 แต่บางกระแสก็บอกว่าเริ่มในแอฟริกาเหนือก่อน นี่เป็นเงื่อนไขข้อหนึ่งที่ครัวอิตาเลียนนิยมกินอาร์ติโชกกัน โดยเฉพาะหมู่ขุนน้ำขุนนาง ต่อมาอาร์ติโชกแพร่หลายพร้อมนางแคเทอรีน เมดิชี แห่งกรุงฟลอเรนซ์ สู่ราชสำนักฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 16 ทำให้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายของครอบครัวราชสำนักของฝรั่งเศสมาอย่างต่อเนื่อง มีการเพาะปลูกมากในฝรั่งเศส โดยเฉพาะอาร์ติโชกที่ปารีสเคยมีชื่อเสียงจนถึงศตวรรษที่ 20
อย่างไรก็ตามอาร์ติโชกถือเป็นผักดอกเพื่อสุขภาพเพราะมีแคลอรีต่ำ ดอกขนาดใหญ่ มีเพียง 25 แคลอรี ไม่มีไขมัน มีคาร์โบไฮเดรต โฟเลต โปรตีน เส้นใยชั้นดี น้ำตาล โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม ทองแดง สังกะสี วิตามินซี (ค่อนข้างมาก) วิตามินบี 6 วิตามินอี ไนอะซิน ไทอามีน แมงกานีส และโครเมียม