เรื่องไม่ลับเกี่ยวกับช็อคโกแลต
ช็อคโกแลตถือเป็นขนมที่มีรสชาติหอมหวานน่ารับประทาน น้อยคนที่นักที่จะบอกว่าไม่ชอบทานช็อคโกแลต แล้วทราบมั้ยคะว่าช็อคโกแลตที่เป็นขนมที่ชื่นชอบของคนจำนวนมากเนี่ยมีสาร Methylxanthines ที่จะช่วยกระตุ้นต่อมประสาททำให้คุณรู้สึกอารมณ์ดีมีความสุข ดังนั้นเวลาที่เราได้รับประทานช็อคโกแลตจึงทำให้เรารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนนิยมมอบช็อคโกตแลตให้แก่กันในวันวาเลนไทน์ เพราะอยากให้คนที่ได้รับมี่ความสุขนั่นเอง
ว่ากันว่าช็อคโกแล็ต ที่อร่อยที่สุดในโลก จะต้องเป็นช็อคโกแล็ตของประเทศเบลเยียม ซึ่งช่างทำช็อคโกแล็ต ระดับแนวหน้าในเบลเยียมเขาแนะนำว่าเวลาไปร้านขายช็อคโกแล็ต หากช็อคโกแล็ตทำท่าจะละลายในมือ ถือว่าเป็น ช็อคโกแล็ตที่ดีนะค่ะ เพราะแสดงว่ามีเนยโกโก้ผสมอยู่ในปริมาณสูงโดยอาจสังเกตจากชิ้นที่มีผิวมันเรียบก็ได้ค่ะ แต่ถ้าลองชิมก็อยากเลือกที่กัดแล้วร่วงกราวเป็นเศษเล็กเศษน้อยหรือนิ่มเหลว
ชนิดของช็อกโกแล็ตมีอยู่ 3 ชนิดคือ
+ ช็อกโกแล็ต (Dark Chocolate)
+ ช็อกโกแล็ตขาว (White Chocolate)
+ ช็อกโกแล็ตรสนม (Milk Chocolate)
ช็อกโกแล็ตขาวจะมีส่วนผสมเหมือนช็อกโกแล็ตแต่ใช้เนยโกโก้เควอร์ จึงทำให้ช็อกโกแล็ตมีลักษณะเป็นสีขาวและมีรสหวานมาก ในขณะที่ช็อกโกแล็ตนมจะลดปริมาณโกโก้ลิเควอร์ และเติมนมผงเข้ามาแทนค่ะ ขอยกตัวอย่างชื่อเรียกของช็อคโกแล็ตที่แตกต่างกันด้วยส่วนผสม และแตกต่างความอร่อยให้เห็นชัดๆ นะคะ
Chocolate Liquor เป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ เจ้าน้ำช็อกโกแล็ตนี้สามารถ ทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ แต่ช็อกโกแล็ตที่ได้เป็นชนิดที่ ไม่หวาน น้ำช็อกโกแล็ตนี้จะมีส่วนผสมของ โกโก้บัทเตอร์ประมาณ 53%
Semi-Sweet (แบบหวานน้อย) ช็อกโกแล็ตชนิดนี้อยู่ในรูปของเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่ cocoa butter ลงไปด้วย สีของช็อกโกแล็ตชนิดนี้สีจะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ จะมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแล็ตประมาณ 35% และมีไขมัน ประมาณ 27%
Milk Chocolate (ช็อกโกแล็ตนม) ช็อกโกแล็ตชนิดนี้มีส่วนผสมของ cocoa butter , นม และยังเพิ่ม ความหวานและรสชาดลงไปด้วย ช็อกโกแล็ตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี ช็อกโกแล็ตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อกโกแล็ตอย่างน้อย 10% และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12%
Sweet Chocolate (ช็อกโกแล็ตชนิดหวาน) ช็อกโกแล็ตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไป มากกว่าช็อกโกแล็ตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแล็ตอย่างน้อย 15 % ช็อกโกแล็ตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่าๆ กับช็อกโกแล็ตแบบหวานน้อย
White Chocolate ช็อกโกแล็ตชนิดนี้มีส่วนผสมของ cocoa butter แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล , cocoa butter , นมสด และ ใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย White chocolate นี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่า cocoa butter
Liquid Chocolate เป็นช็อกโกแล็ตที่ไม่หวาน ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวดๆ ละ 1ออนซ์ และเนื่องจากมันไม่ละลาย จึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่า cocoa butter ซึ่งเนื้อช็อกโกแล็ตจะแตกต่างกัน ปกติแล้วช็อกโกแล็ตชนิดนี้จะมีรสไม่หวาน
Couverture ช็อกโกแล็ตชนิดนี้เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของ cocoa butter อย่างน้อยที่สุด 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดเคลือบ ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้าน ที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแล็ตอยู่
Ganache ช็อกโกแล็ตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแล็ต Ganache ทำโดยการหั่นช็อกโกแล็ต และใส่วิปปิ้งลงไปตีในครีมร้อนๆ ผสมกันจนช็อกโกแล็ตละลายและส่วนผสสมข้นและแข็งขึ้น
Confectionery Coating (เคลือบลูกกวาด) เป็นช็อกโกแล็ตที่ไว้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาดต่างๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของ cocoa butter เหมือนชนิดอื่นๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้
นอกจากนี้แล้วช็อกโกแล็ตเป็นขนมที่มีคุณค่าโภชนาการค่อนข้างสูง นอกจากจะให้พลังงาน จากคาร์โบไฮเดรตและไขมันแล้ว ยังมีวิตามิน เอ ดี เค และธาตุเหล็ก ค่อนข้างสูงแต่ยังไง การรับประทานช็อกโกแล็ต ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะค่ะ