ตาล สมุนไพรจากแดนใต้
ตัวยาชั้นดีซ่อนอยู่ที่ราก กาบ งวงตาล และใบเริ่มจากช่อดอกหรืองวงตาล นำมาทำเป็นน้ำตาลโตนด ที่หวานหอมชื่นใจที่ใครๆก็ชื่นชอบ ส่วนดอกอ่อนซึ่งทานได้ทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย รวมทั้งผลอ่อนนำมาใส่แกงก็อร่อยลิ้น ลอนตาลหรือเมล็ดในอ่อนจะทานเป็นผลไม้แบบสดๆก็หอมหวานชื่นปากชื่นคอ หรือจะแปรรูปเป็นขนมหวาน-ลูกตาลลอยแก้วก็ได้ แต่ถ้าเป็นเมล็แก่ก็นำมาเพาะให้งอกจนได้จาวตาล แล้วนำมาเชื่อมน้ำตาลก็อร่อยไปอีกแบบ สำหรับผลสุกก็นำเนื้อมาทำเป็นขนมตาลที่มีกลิ่นหอมพิเศษถูกใจทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
ใบตาลที่ยังอ่อนใช้ทำตะกร้า หมวก เสื่อ กระเป๋า พัด แปรง ไม้กวาด เชือก ส่วนใบตาลแก่ก็ใช้ทำพัด ตาลปัตร มุงหลังคาบ้าน ทางตาลหรือก้านใบ ใช้ทำโต๊ะ เก้าอี้ ลำต้นก็แปรสภาพเป็นได้ทั้งเรืออีโปง ท่อน้ำ สะพาน กลอง เสา ไม้เท้า เก้าอี้ ด้ามร่ม กรอบรูป ไปจนถึงเครื่องครัวชิ้นสำคัญอย่างสากหรือครก
ส่วนประโยชน์ทางอ้อมหรือในแง่ของการเป็นสมุนไพร เพื่อใช้รักษาโรคบางอย่างนั้นมีอยู่ 4 ส่วน ที่ใช้กันคือ ราก กาบ งวงตาล และใบ
ส่วนแรกคือราก ซึ่งมีรสหวานเย็น หากนำมาต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไข้ แก้ต่อมทอนซิลอักเสบก็ได้ แก้พิษซางตานในเด็ก บางคนใช้เป็นยาชูกำลัง ช่วยขับเลือด ขับพยาธิได้ หากเป็นรากที่งอกอยู่เหนือดินที่เรียกว่าตาลแขวน มีรสหวานเย็นปนฝาดนิดๆ ใช้แก้ไข้ที่มีพิษร้อน กับแก้พิษซางตานได้ชะงัด
ถัดมาคือส่วนของ กาบ หรือก้านใบที่บางคนเรียกว่าทางตาล ถ้าหากเป็นก้านใบสดให้อังไฟหรือย่าง แล้วบิดหรือบีบเอาแต่น้ำทานแก้ท้องร่วง ท้องเสีย แก้ปวดเมื่อย หรืออมแก้โรคปากเปื่อยก็ได้
ส่วนงวงตาลหรือช่อตาลซึ่งมีรสหวานเย็น ใช้แก้ตานขโมยในเด็ก แก้พิษซางตาน ช่วยขับพยาธิ ทานแล้วทำให้สดชื่น แจ่มใสเบิกบาน
ท้ายสุดคือใบ ใช้แก้อาการกระสับกระส่ายสำหรับสตรีหลังคลอดบุตร หรือจะนำใบมาคั่วให้เหลืองแล้วบดจนเป็นผง จะสูบหรือเป่าก็ได้ โบราณท่านว่าช่วยลดความดันโลหิต