หลังถูกมรสุมอย่างหนัก น้อย โพธิ์งาม ก็ต้องสู้ชีวิตมากขึ้น ล่าสุดลงทุนเปิดร้านขายส้มตำชื่อร้าน "ส้มตำอินเตอร์ น้อย โพธิ์งาม สูตรยายดวง" ซึ่งชื่อยายดวงเป็นชื่อที่ยืมมาจากตอนเล่นละครเรื่อง "หมอลำซัมเมอร์" ร้านตั้งอยู่บริเวณลานเบียร์หน้าห้างเสรีเซ็นเตอร์ ใกล้ๆ กับซีคอนสแควร์ เปิดให้บริการทุกวัน เริ่มขายในช่วงเย็นประมาณ 56 โมงเย็น
น้อยบอกว่า หลังจากเปิดร้านมาได้ไม่กี่วันก็ได้รับผลตอบรับดีเกินคาด ปรากฏว่าประมาณ 3 ทุ่มของก็หมดร้านแล้ว โดยบางวันก็จะมีลูกสาวที่น่ารักคนเดียวคือ "น้องหญิง" มาช่วยขาย
เมนูในร้านก็จะเน้นเมนูอาหารอีสานเป็นหลัก คือ "ส้มตำ" และเมนูอื่นๆ อีกไม่กี่อย่าง เพราะเพิ่งจะเปิดบริการได้เพียงไม่กี่วัน แม้จะเพิ่งเปิดร้าน แต่ดูท่าทางจะรุ่งกับการขายอาหารอีสานเสียแล้ว ซึ่งน้อยกำลังเตรียมเพิ่มเมนูให้หลากหลายขึ้น ในอนาคตคงมีร้านเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนมากกว่านี้ เพราะที่ที่ขายอยู่เป็นของเพื่อนคือ รพีพรรณ ภัทรศิลสุนทร นอกจากนี้ยังน่าดีใจที่ว่า แค่เปิดร้านได้ไม่กี่วัน ก็มีคนติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ซะแล้ว
อาหารจานแรกที่ลูกค้ามาแล้วต้องสั่งก็คือ นานาส้มตำ มีให้เลือกทั้ง ตำไทย ตำปู ตำไทยปู ตำลาว ตำปลาร้า ตำปูปลาร้า ตำซั่ว ตำมั่ว ตำแตง แต่ที่มีคนสั่งมากเป็นพิเศษก็จะเป็น "ส้มตำปู" กับ "ส้มตำปูปลาร้า"
น้อย โพธิ์งาม บอกว่า ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไร ก็เหมือนร้านอื่นๆ แต่ทางร้านจะเน้นเป็นพิเศษกับความสะอาด ส่วนประกอบทุกอย่างต้องคัดที่มีคุณภาพ อย่างกุ้งก็จะใช้กุ้งตัวใหญ่คัดอย่างดีกิโลฯ ละ 500 กว่าบาทมาตำ ไม่ใช่กุ้งตัวเล็กๆ สีแดงๆ ส่วนปูก็จะเลือกตัวใหญ่ๆ ต้องล้างให้สะอาด แล้วมาแกะกระดองเตรียมไว้ เคล็ดลับก็คือต้องเอาส่วนที่เรียกว่า เส้นเมา ของปูออกไป แต่มันของปูไม่ต้องเอาออก
ปลาร้าก็จะมีเคล็ดลับคือ ต้มให้เดือดแล้วเอากากออก แล้วเติมเครื่องปรุงรสต่างๆ ลงไป แต่ต้องเคี่ยวนานๆ รวมทั้งของอื่นๆ ก็จะคัดอย่างดีหมด เพราะเชื่อว่าเรื่องรสชาติทุกร้านอร่อยอยู่แล้ว อยู่ที่ลูกค้าว่าเขาจะชอบแบบไหน สั่งแบบไหน ถ้าเพิ่มความสะอาดเข้ามาก็เป็นสิ่งที่ดี รับรองว่าทานที่นี่ไม่มีท้องเสีย
มะละกอก็จะมีทั้งส่วนของมะละกอแก่ และเกือบสุกออกสีแดงๆ หน่อย และก็จะมีแครอทผสมด้วยเพื่อสุขภาพ ซึ่งลูกค้ามักจะสั่งควบคู่ไปกับไก่ทอด ปลาหลดทอด หมูแดดเดียว แคบหมู ข้าวเหนียว ข้าวเกรียบทอด สำหรับส้มตำราคาก็เหมือนๆ กับร้านอื่นทั่วไป จานละ 30 บาท ยกเว้นตำหอยดองจานละ 50 บาท นอกจากลูกค้าจะมานั่งกินตรงลานเบียร์แล้ว ก็มีที่เดินผ่านมาแล้วซื้อกลับไปทานที่บ้าน หรือพนักงานภายในห้างก็จะชอบมาสั่งไปทานกัน ภาชนะที่ใส่อาหารจึงใช้เลือกที่สะดวกเพราะเมื่อลูกค้ากินไม่หมดก็สามารถหิ้วกลับบ้านได้
เมนูหนึ่งที่ลูกค้าชอบสั่งก็คือ "เมี่ยงปลาทู" ซึ่งจะเลือกใช้ปลาทูมันมานึ่งกับสมุนไพรพวกตะไคร้ ใบมะกรูด ให้มีกลิ่นหอมดับคาว แต่ทีเด็ดจะอยู่ที่น้ำจิ้มนี่เองที่รสชาติจะออก 3 รส แต่มีเปรี้ยวนำ กลมกล่อม รับประทานแกล้มกับผักสดและเส้นหมี่ขาวลวก ราคาจานละ 50 บาท จานนี้ถือว่าน่าสนใจ โดยเฉพาะคนที่รักสุขภาพและชื่นชอบปลาทู กลิ่นปลาทูจะหอมมาก บวกกับน้ำจิ้มรสแซบ รับรองว่าใครมาร้านนี้แล้วได้ทาน "เมี่ยงปลาทู" มาครั้งต่อไปเป็นต้องสั่งอีกแน่นอน
"หมูแดดเดียว" หมักถึง 2 ชั่วโมงด้วยเครื่องปรุงรส โรยพริกไทยและงาเพียงเล็กน้อยก่อนนำไปทอด แต่ต้องไม่ทอดกรอบจนเกินไป ให้กำลังนุ่มน่ารับประทาน จิ้มกับซอสซึ่งซื้อซอสพริกมาแล้วนำมาผสมเองอีกทีหนึ่ง แต่จะผสมอย่างไรนั้นแม่น้อยขอปิดเป็นความลับ บอกว่ารอพร้อมขายแฟรนไชส์เมื่อไร จะเผยเคล็ดลับทุกอย่างจนหมดเปลือก
"ปลาหลดทอด" รับรองว่าใครที่ได้ชิมครั้งแรกคงต้องติดใจเหมือนกันทุกคน โดยเฉพาะคนที่ชอบดื่มมักจะสั่งมาแกล้มกัน รสชาติของปลาหลดจะออกมันๆ เป็นปลาที่มีมากในแถบภาคอีสานและลาว ส่วนใหญ่คนอื่นเขาต้มหรือทำเป็นแกงอ่อม แต่ด้วยความที่ตอนสามียังมีชีวิตอยู่จะชอบกินเบียร์กันกับเพื่อนบ้านจึงต้องมีของแกล้ม ก็เลยลองนำปลาหลดมาทอด ปรากฏว่าทุกคนชอบ จึงคิดมาทำเป็นเมนูของร้าน ปลาหลดหาไม่ยากด้วย
น่าเสียดายที่มาวันนี้ไม่ได้ทดสอบตำหอยดอง เพราะแม่น้อยบอกว่าหอยไม่สดก็เลยไม่เอามา ก็ต้องเชื่อว่าร้านนี้ใช้ของที่มีคุณภาพจริงๆ ส่วนใครโชคดีหน่อย บางวันก็จะมี "แกงอ่อม" ด้วย
ถ้าผ่านไปแถวศรีนครินทร์ ก็แวะไปชิมส้มตำอินเตอร์ของแม่น้อยกันได้ บางวันก็จะพบกับ "น้องหญิง" มาช่วยคุณแม่เสิร์ฟอาหาร และขึ้นร้องเพลงบนเวทีมอบความสุขให้แก่ผู้ที่มานั่งรับประทานอาหารส้มตำฝีมือคุณแม่สู้ชีวิตน้อย โพธิ์งาม
Matichon